ถ้ากล่าวถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของวัฒนธรรมมุโรมาจิก็ต้อง วัด"Kinkakuji"ที่มีชื่อเสียงมากของโชกุนลำดับที่3ของรัฐบาลมุโรมาจิบาคุฟุ Ashikaga Yoshimitsu
คราวนี้ขอพาไปที่ที่ไม่แพ้กัน วัด"Ginkakuji"ซึ่งเป็นที่พำนักกลางเขาของAshikaga Yoshimasaซึ่งเป็นโชกุนลำดับที่8
สัญลักษณ์ของวัฒนธรรมHigashiyama ตามจิตวิญญาณของเซน
เช่นเดียวกับวัด”Kinkakuji” (金閣寺) ที่มีชื่อทางการว่าวัดRokuonji (鹿苑寺) วัด"Ginkakuji" (銀閣寺)เองก็มีชื่อว่า Jishoji (慈照寺)
ทั้งสองวัด เป็นที่พำนักของโชกุนมาก่อน และกลายเป็นวัดเมื่อโชกุนสิ้น
ภายนอกของวัดGinkakujiนั้นไม่มีการติดฟอยสีเงินไว้เลย สำหรับท่านที่เป็นชาวต่างชาติคงรู้สึกสงสัยสินะครับ
นั่นเป็นเพราะยุคของAshikaga Yoshimitsuนั้นเป็นยุคของวัฒนธรรมHigashiyama การสร้างจึงยึดความเรียบง่ายตามหลักจิตวิญญาณของเซน และความสันโดษ
เอาละ จากสะพานGinkakujihashi มุ่งหน้าไปวัดGinkakujiกันเถอะ
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันธรรมดา แต่ทางเดินก็อย่างที่เห็นล่ะครับ!
ดูแผนที่บริเวณวัดแล้วพบว่าวัดกว้างพอๆกับวัดKinkakujiเลยทีเดียว
จ่ายอัตราผู้ใหญ่500เยนแล้วได้แผ่นพับกับยันต์(Ofuda 御札)มาด้วย
วัดGinkakujiนี้มีชื่อเป็นทางการว่าGinkaku Kannonden (銀閣観音殿) ไม่รู้จะทำให้ยากทำไม
Ginkaku Kannonden
จากทางเข้าจะเห็นต้นสนที่ถูกช่างฝีมือจัดแต่งเอาไว้ เมื่อเดินเข้าไปทางด้านขวาก็จะเห็น
Ginkakuที่เป็นสมบัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่ดูเรียบง่าย อยากมองอยู่แบบนี้เป็นชั่วโมงๆ
สวนฝีมือZen'ami(善阿弥作庭 Zen'amiเป็นนักจัดสวนชื่อดังในยุคมุโรมาจิ)และTogudo(東求堂)
เมื่อหันกลับไปบริเวณGinkakuจะเห็นสวนสไตล์CHISENSHIKI KAIYU TEIEN(池泉式回遊庭園 สไตลก์การจัดสวนของญี่ปุ่น จัดวางให้บ่อน้ำอยู่ตรงกลาง แล้วจัดให้ต้นไม้และของตกแต่งต่างๆรวมถึงทางเดิน วนอยู่รอบๆ)ที่ประกอบด้วยKinchochi(錦鏡池 บ่อคินโจว)และะKaresansuiteien(枯山水庭園 สวนไร้น้ำKaresan)
สวนKaresanก็มีความหมายว่าสวนที่ไม่มีน้ำ
ส่วนCHISENSHIKI KAIYU TEIENก็หมายถึงให้เอ็นจอยการชมสวนโดยวนรอบบ่อน้ำ
รูปด้านล่างนี้ อาคารทางขวาก็คือGinkaku ส่วนทางซ้ายคือบ่อคินโจว เป็นบ่อที่มีความโค้งมน จัดวางหินและต้นไม้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ว่ากันว่าสวนของวัดGinkakujiนี้เป็นฝีมือของZen'ami(善阿弥)
แล้วก็เจอกับKogetsudai(向月台)ที่เป็นภูเขาทรายสไตล์โมเดิร์น สูงถึง180cmเลยทีเดียว
รูปด้านล่าง คือ Ginshadan (銀沙灘) นึกถึงความตื่นเต้นตอนทัศนศึกษาเมื่อก่อนขึ้นมาเลย
คอมโพสคลาสสิคจากด้านอาคารหลักช่างยอดเยี่ยม
จากนั้นก็อาคารหลัก ให้บรรจบกัน
อาคารที่ดูเรียบง่ายที่อยู่ด้านข้างของอาคารหลัก ปรากฎว่าเป็นสมบัติของชาติครับ เกือบมองข้ามไปเสียแล้ว
อาคารนี้มีชื่อเรียกว่า Togudo (東求堂) อยู่ด้านขวาของรูปด้านล่าง เป็นภาพที่ยอดเยี่ยมจริงครับ
เดินชมรอบสวน
เพราะในสวนปลูกต้นไม้ไว้หลากหลาย จึงเดินชมได้อย่างสบายใจ เดินไปไม่นานก็พบต้นไม้ยักษ์อายุถุึง500ปี
กิ่งก้านพันเกี่ยวกันอย่างซับซ้อน ทำให้สัมผัสได้ถึงอายุที่ยาวนาน
เพราะวันก่อนฝนตกลงมา มอสจึงรับแดดจนดูเขียวขจี
และนี่คือตาน้ำที่Ashikaga Yoshimasaใช้ชงชา
จากยอดเขา จะมองเห็นทั้งสวนของGinkakuji
พอลงมา ก็พบกับดอกแคมีเลียและมอสที่คอนทราสกันอยู่
แล้วก็ได้สัมผัสกับความงามแบบญี่ปุ่นอีกครั้ง ที่เห็นบ่อคินโจว, Ginkaku, และต้นสน
ที่ปลายทางของทางเดิน จะเห็นGinkakuจากด้านหลังอาคาร สวยสง่าแบบเรียบง่าย
สุดท้ายนี้ ก็มีร้านขายของฝากที่เปิดใหม่ และห้องน้ำอยู่ จึงโล่งใจได้
รายละเอียด
ชื่อ:Jishoji (วัดGinkakuji) (慈照寺(銀閣寺))
ที่อยู่:รหัสไปรษณีย์606-8402 Kyoto-shi, sakyo-ku, ginkakujicho2 (〒606-8402京都市左京区銀閣寺町2)
เบอร์ติดต่อ:075-771-5725
OFFICIAL HOMEPAGE:http://www.shokoku-ji.jp/g_about.html
ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่(ตั้งแต่ม.ปลาย)500เยน、นักเรียนประถม-ม.ต้น 300เยน
เวลาเปิดเข้าชม:ภาคฤดูร้อน(1มีนาคม-30พฤศจิกายน)8:30-17:00、ภาคฤดูหนาว(1ธันวาคม -สิ้นเดือนกุมภาพันธ์)9:00-16:30